ประวัติหลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม
วัดคฤบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม มีชื่อเดิมว่า สว่าง นามสกุล เจริญศรี เป็นบุตรของ ขุนเจริญสวัสดิ์ (เจริญ เจริญศรี) กํานันตําบลท่างิ้ว กับคุณแม่หอม หรือ ก้อนดิน หลวงปู่เกิด ณ บ้านน้ําหัก ตําบลท่างิ้ว อําเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2426 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ํา เดือน 7 ปีมะแม เป็นบุตรคนที่ 5 ของขุนเจริญสวัสดิ์ (เจริญ เจริญศรี) แต่เป็นบุตรคนเดียวของคุณแม่หอมหรือก้อนดิน ทั้งนี้เนื่องจากโยมมารดาของท่านเป็นภรรยาคนที่2 ของขุนเจริญสวัสดิ์ มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน 5 คน คือ
1. นางแส
2. นางกลีบ
3. นางเคลือบ
4. นางสวัสดิ์
5. หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง เจริญศรี)
ประวัติชีวิตเมื่อเยาว์วัย
หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม เกิดได้เพียง 5 วัน โยมมารดาของท่านก็ถึงแก่อนิจกรรม มารดาเลี้ยงได้เลี้ยงดูท่าน จนเติบใหญ่ พอมีอายุพอสมควรที่จะเล่าเรียนศึกษาได้ ท่านก็เริ่มศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัย และหนังสืออักขระขอมเบื้องต้น จากขุนเจริญสวัสดิ์บิดาของท่าน พอท่านอายุได้ 13 ขวบ ขุนเจริญสวัสดิ์บิดาก็ถึงแก่อนิจกรรม ท่านได้อยู่กับมารดาเลี้ยง ของท่านตลอดมา มารดาเลี้ยงของท่านก็เอ็นดูรักใคร่สงสารปราณีท่านเสมือนเป็นบุตรที่แท้จริง เพราะท่านเป็นบุตรชาย เพียงคนเดียวของบิดา มีความประสงค์อยากจะให้หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม ได้รับการศึกษาชั้นสูงๆขึ้นไปอีก เพื่อจะได้ ปกครองพี่น้องวงศ์ตระกูลสืบไป มารดาเลี้ยงจึงได้นําพระวิบูลวชิรธรรมไปฝากกับพระครูบรรพโตปมญาณ (หลวงพ่อเผือก) วัดหัวดงเหนือ ตําบลหัวดง อําเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ สมัยนั้นนับว่าวัดหัวดงเหนือเป็นสํานักเรียนอักขระ สมัยมูลกัจจายน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสํานักหนึ่ง หลวงปู่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนมูลกัจจายน์ และหนังสืออักขระขอมอยู่ที่ วัดหัวดงเหนือ เป็นเวลานานประมาณ 7 ปี มีพระอาจารย์สด ต่อมาได้เลื่อนฐานะเป็นพระครูสวรรค์วิถีเป็นครูสอน
พอหลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรมมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์มารดาเลี้ยงได้มอบให้พระครูบรรพโตปมญาณ (หลวงพ่อเผือก) วัดหัวดงเหนือ พระอาจารย์ของท่านเป็นผู้นําไปบวชเรียนศึกษาต่อที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งได้มอบปัจจัยสี่ไปเป็นจํานวน ครบถ้วน เพื่อจับจ่ายใช้สอย ในการอุปสมบทหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมด้วยอุปสมบทและศึกษาเล่าเรียน
หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรม อุปสมบทเมื่อวันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2445 ตรงกับวันขึ้น 4 ค่ํา เดือนอ้าย ปีขาล ณ พัทธสีมาวัดขุนญาณ ตําบลคลองเมือง อําเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระญาณไตรโลกย์ (สะอาด) วัดศาลาปูน อําเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรศรี วัดศาลาปูน อําเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแพ วัดศาลาปูน อําเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ ให้นามฉายาว่า " อุตตโร
เมื่อหลวงปู่พระวิบูลวชริธรรมอุปสมบทแล้ว ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและบาลีอยู่ที่สํานักเรียน วัดศาลาปูนเป็นเวลา 2 ปี และได้กลับมาอยู่กับพระครู บรรพโตปมญาณ (หลวงพ่อเผือก) ที่วัดหัวดงเหนือ ตําาบลหัวดง อ้าเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ตามเดิม ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จากพระอาจารย์สด (พระครูสวรรค์วิถี) ซึ่งเป็นอาจารย์เดิมอีกเป็นเวลา 2 พรรษา แล้วได้ย้ายมาจําพรรษาอยู่ที่วัดท่างิ้ว อําเภอ
บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เป็นเวลา 2 พรรษา จากนั้นได้ย้ายไปจําพรรษาที่วัดเขาแก้ว (วัดมณีบรรพตวรวิหาร) จังหวัดตาก อีก 2 พรรษา แล้วได้ย้ายกลับมาอยู่ที่วัดท่างิ้วตามเดิมอีก ต่อมาในปี พ.ศ. 2457 อาจารย์ปั้นเจ้าอาวาสวัดท่างิ้ว ได้มรณะภาพลง หลวงพ่อพระครูนิรุติธรรมธร (หลวงพ่อน้อย) วัดส้มเสี้ยว ขณะนั้นยังเป็นประทวนสมณะศักดิ์อยู่ ได้ตั้งหลวงปู่ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่างิ้ว ขณะอายุได้31 ปี เมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้ทราบข่าวว่าจังหวัดอุทัยธานี ตั้งสํานักศาสนศึกษาขึ้น จึงได้ย้ายไปจําพรรษาอยู่ที่วัดสังกัดคีรีวงค์อุดมมงคลเขตร อําเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีอาจารย์ลพเป็นเจ้าอาวาส มีอาจารย์จ่อยเป็นครูสอน ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดสังกัสรัตนคีรี 1 พรรษา
เมื่อเห็นว่ามีความรู้พอสมควรแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดท่างิ้วตามเดิม
หลวงปู่พระวิบูลวชิรธรรมเป็นผู้เอาใจใส่ในการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ตัวท่านเองก็เป็นผู้สนใจใฝ่รู้อยู่แล้ว จะเห็นได้จากเมื่อท่านทราบว่าครูบาอาจารย์ท่านใด สํานักใด มีชื่อเสียงทั้งเรื่องปริยัติ ปฏิบัติ และเวทย์มนต์คาถาที่นับถือกัน ท่านจะต้องไปจําพรรษาอยู่ที่นั้นๆ เพื่อขอศึกษาวิชาความรู้จนเชี่ยวชาญ
ผู้ที่คล้องเหรียญ ท่านมีประสบการณ์ยิงไม่เข้าบ้าง ยิ่งไม่ถูกบ้าง เป็นที่เลื่องลือ จนพลโท สําราญ แพทยกุล แม่ทัพกองทัพภาคที่ 3 ในสมัยนั้น เอาเฮลิคอปเตอร์มาให้ท่านเจิมถึงวัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515
3. หนังหน้าผากเสือลงยันต์เครื่องรางขึ้นชื่อของหลวงปู่ หลวงปู่สืบทอดการลงยันต์หนังหน้าผากเสือ มาจาก เจ้าคุณวิเชียรโมลี วัดพระบรมธาตุ จ.กําแพงเพชร ผู้เป็นอาจารย์ เจ้าคุณวิเชียรโมลีนี้เป็นเกจิอาจารย์ยุคเก่า ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งของกําแพงเพชร มีคนพูดกันว่ากําแพงเพชรเป็นเมืองพระกรุมีพระซุ้มกอ เม็ดขนุน เป็นพระกรุแถวหน้า แต่พระเกจิอาจารย์ที่มีคนเคารพนับถือและมีชื่อเสียงแข่งกับพระกรุได้ ก็มีแต่เจ้าคุณวิเชียรโมลี กับหลวงปู่วัดท่าพุทรา เท่านั้น หนังหน้าผากเสือนี้ท่านสร้างมาแต่อยู่วัดท่างิ้วและมีชื่อเสียงมานานแล้ว มีผู้ปรารถนา ไว้คุ้มครองตนเป็นจํานวนมาก ในระยะหลังท่านจึงใช้หนังเสือทั้งผืนเพื่อให้มีจํานวนเพียงพอ ลงยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ล้อมด้วยธาตุทั้ง 4 การลงยันต์หลวงปู่จะเป็นผู้ลงเอง นอกจากในระยะหลังเมื่อท่านชราภาพมากแล้ว หลวงพ่อลําใย จึงเป็นผู้ลงยันต์แล้วหลวงปู่จึงเสกให้อีกครั้งหนึ่ง มีอิทธิฤทธิ์ทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุตม์ และอํานาจตบะเดชะ เป็นที่คร้ามเกรงแก่บุคคลทั่วไป
4. การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่ พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงปู่ท่านจะปลุกเศกเพียงองค์เดียว ด้วยมั่นใจในอํานาจวิทยาคมและอํานาจสมาธิของท่าน ในระหว่างการปลุกเศกวัตถุมงคลของหลวงปู่จะเกิดเหตุมหัศจรรย์ บ่อยครั้งต่อผู้พบเห็น เช่น หลวงพ่อชื่น วัดสระแก้ว อ.เมือง จ.กําแพงเพชร เล่าว่าในพิธีปลุกเสกพระเครื่องให้วัดโค้งวิไล และ วัดสิงคาราม ปี พ.ศ. 2517 ในพระอุโบสถวัดคฤหบดีสงฆ์ ร่างของหลวงปู่ได้ลอยขึ้นจากอาสนะที่นั่งอยู่ประมาณ 1 ศอก เหรียญที่ปลุกเสกอยู่ดิ้นได้เหมือนกุ้งเต้น ได้ยินเสียงเหรียญดังกระทบกันอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้า ผู้ที่อยู่ในพิธีจํานวนมาก แสดงถึงอํานาจจิตอันเข้มขลังของท่านได้เป็นอย่างดี