🟩 1. พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน
ช่วงเวลา: พุทธศตวรรษที่ 16–18
แหล่งกำเนิด: อาณาจักรโยนกเชียงแสน (บริเวณภาคเหนือของไทย)
ลักษณะเด่น:
พระพักตร์ (ใบหน้า) กลมเต็ม ดูอิ่มเอิบ
พระขนงโก่ง พระเนตรโต
พระเกศา (ผม) เป็นก้อนเล็กๆ มีไรพระศกชัดเจน
พระรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม
พระอุระ (หน้าอก) กว้าง พระพาหา (แขน) ใหญ่
มักอยู่ในปางมารวิชัย
ฐานบัวรองรับองค์พระ
หมายเหตุ: พระเชียงแสนได้รับอิทธิพลจากศิลปะปาละของอินเดียและศิลปะทิเบตบางส่วน
🟦 2. พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
ช่วงเวลา: พุทธศตวรรษที่ 19–20
แหล่งกำเนิด: อาณาจักรสุโขทัย (ภาคกลางตอนบน)
ลักษณะเด่น:
พระพักตร์รูปไข่ เรียวยาว สง่างาม
พระเกศาเป็นก้นหอย และมีพระรัศมีเป็นเปลวไฟสูง (ชัดเจน)
พระอังสา (บ่า) กว้าง ลำพระองค์เพรียว
ส่วนพระหัตถ์ยาวเรียว งดงามแบบอุดมคติ
ลักษณะกายดู “เบา” พลิ้วไหว แสดงอารมณ์สงบและเมตตา
มักประทับยืนหรือเดิน (เรียก "พระพุทธรูปปางลีลา") หรือปางมารวิชัย
หมายเหตุ: พระสุโขทัยถือเป็นยุคทองแห่งศิลปะพระพุทธรูปของไทย สะท้อน “พุทธะในอุดมคติ”
🟨 3. พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง
ช่วงเวลา: พุทธศตวรรษที่ 18–19
แหล่งกำเนิด: อาณาจักรอู่ทอง (ภาคกลาง เช่น สุพรรณบุรี, ลพบุรี)
ลักษณะเด่น:
พระพักตร์เหลี่ยมค่อนข้างสั้น พระหนุ (คาง) ใหญ่
พระขนงต่อกันเป็นเส้นเดียวคล้ายปีกกา
พระเกศาเป็นปุ่มเล็กๆ และพระรัศมีเป็นแบบดอกบัวตูม
พระองค์ค่อนข้างตัน ล่ำสัน ดูมั่นคง
มักประทับนั่งปางมารวิชัย มือใหญ่ และมีนิ้วเรียงกันเสมอ
ฐานรองมักเป็นฐานเขียงหรือฐานหน้ากระดาน
หมายเหตุ: พระอู่ทองสะท้อนลักษณะเชิงพุทธแบบเขมรผสมผสานกับศิลปะพื้นถิ่น